บล็อกนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนการสอนรายวิชาอินเตอร์เน็ตและการสื่อสารในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างผู้ที่ให้ความสนใจ ผู้จัดทำขอขอบคุณทุกท่านที่เขามาเยี่ยมชม

19 มิ.ย. 2555

กรีซสะท้าน เลือกตั้งเสร็จ วิบากกรรมไม่จบ

กรีซสะท้าน เลือกตั้งเสร็จ วิบากกรรมไม่จบ


    กลายเป็นสถานการณ์ตึงเครียดขีดสุดสำหรับชาวกรีกทั่วประเทศ สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อเฟ้นหาผู้นำประเทศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการจับตามองอย่างใกล้ชิดจากบรรดาเพื่อนบ้านในภูมิภาคยุโรปและนักลงทุนทั่วโลกและเป็นการเกาะติดชนิดที่มีทั้งเอาใจช่วย กับร่วมกดดันให้ชาวกรีกตัดสินใจเลือกตัวเลือกถูกต้องและดีที่สุด เพราะผลลัพธ์ของการเลือกตั้งเดิมพันด้วยอนาคตที่สดใสของประเทศ ทางรอดของยุโรปโดยรวม ตลอดจนชะตากรรมเศรษฐกิจของโลก

พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือว่า เป็นการส่งสัญญาณกึ่งขอร้องแกมบังคับให้ชาวกรีกไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงคะแนนและหย่อนบัตรลงหีบ อย่าคิดง่ายๆ เพียงแค่จะออกเสียงโหวตเพื่อความสาแก่ใจ หรือสะใจเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเลือกตั้งของกรีซเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่นักวิเคราะห์หลายสถาบันชั้นนำของโลกยังคงเห็นพ้องต้องกันโดยไม่ได้นัดหมายว่า ผลลัพธ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นการรับประกันว่าปัญหาทั้งหมดของกรีซจะจบลง

ขณะเดียวกันที่ย่ำแย่กว่านั้น คือ ไม่ว่าพรรคประชาธิปไตยใหม่ (เอ็นดี) และพรรคปาซก ซึ่งเป็นสองพรรคที่ยังคงเลือกรักษาคำสัญญากับแผนรัดเข็มขัดของสหภาพยุโรป (อียู) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หรือจะเป็นพรรคไซรีซา ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดที่จ้องฉีกสัญญารัดเข็มขัดจะได้ขึ้นครองตำแหน่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี หนทางเบื้องหน้าของกรีซกลับยังคงเต็มไปด้วยขวากหนามเท่าเดิม หรือเผลอๆ อาจจะซับซ้อนยุ่งยากมากกว่าเดิม

พูดอีกแง่หนึ่งก็คือ ไม่ว่าพรรคใดจะชนะ กรีซยังคงต้องเผชิญหน้ากับโจทย์สุดหินไม่เปลี่ยนแปลง

เพราะความขัดแย้งทางการเมืองยังคงมีอยู่

เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่กระเตื้อง

เพราะหนี้สาธารณะยังไม่มีหนทางชดใช้คืน

และปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือ เวลาของกรีซเหลือน้อยลงทุกที เพราะภายในสิ้นเดือนนี้ หากกรีซยังไม่สามารถผ่านมาตรการรัดเข็มขัดอีก 77 มาตรการตามที่รับปากไว้กับอียู เพื่อแลกกับเงินช่วยเหลืองวดต่อไป กรีซได้ล้มทั้งยืนตบเท้าออกจากกลุ่มยูโรโซนตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้แน่นอน

เนื่องจากเงินสำรองของประเทศกรีซกำลังร่อยหรอหดหายไปเรื่อยๆ โดยมีการประเมินกันคร่าวๆ ว่า เงินที่กรีซมีเหลืออยู่ในปัจจุบันจะมีพอใช้จนถึงวันที่ 20 ก.ค.นี้เท่านั้น!

สำหรับอุปสรรคแรกสุดของกรีซในเรื่องประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง ที่แม้พรรคการเมืองแต่ละพรรคจะเห็นสอดคล้องกันว่า ไม่ต้องการเห็นกรีซพ้นจากการเป็นสมาชิกของกลุ่มยูโรโซน แต่จนแล้วจนรอด แต่ละพรรคก็ยังคงยึดติดกับแนวทางการจัดการปัญหา เพื่อรักษาความเป็นสมาชิกภาพของกรีซของตนเอง

ทั้งนี้ หากผลการเลือกตั้งจบลงที่พรรคใดพรรคหนึ่งได้ใจประชาชนเต็มที่ ได้คะแนนเสียงแบบเด็ดขาด ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองใดๆ ก็จะไม่ใช่เรื่องน่าวิตกกังวลแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจความคิดเห็นของโพลหลายสำนักเมื่อต้นเดือน มิ.ย. ต่างระบุตรงกันว่า การเลือกตั้งครั้งที่สองของกรีซจะไม่มีพรรคใดได้คะแนนเสียงเด็ดขาด และมีแนวโน้มสูงว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเป็นรัฐบาลผสมจากหลายพรรค

ความเป็นไปได้ดังกล่าวทำให้กรีซมีแววติดหล่มกับความขัดแย้งจนไม่สามารถก้าวไปไหนได้ แถมไม่ว่าพรรคใดจะได้เสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล สถานการณ์ดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี สำหรับการจัดตั้งรัฐบาลผสมกรีซ

วาสซิริกี จอร์เจียดูว์ อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาแพนเธียน ในกรุงเอเธนส์ กล่าวว่า ตามหลักการปกครองแล้ว รัฐบาลผสมจะมีเสถียรภาพมั่นคงได้ดีต้องมาจากการรวมตัวกันของกลุ่มพรรคการเมืองอย่างน้อย 3 พรรคขึ้นไป ซึ่งหากพรรคประชาธิปไตยใหม่ได้เสียงข้างมาก โอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ย่อมง่ายขึ้น เพราะแนวทางและจุดยืนของพรรคใกล้เคียงกับพรรคที่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 3 จากการเลือกตั้งครั้งแรกอย่างพรรคปาซก

ทว่า หากพรรคขวาจัดอย่างไซรีซาได้เสียงข้างมาก กรีซคงต้องเสียเวลาพูดคุยเจรจาตกลงจัดตั้งรัฐบาลยาวนานกว่าปกติ จนอาจเลยกำหนดของอียูที่จะขอดูแผนรัดเข็มขัด เพื่อแลกกับเงินช่วยเหลืองวดต่อไปในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ เนื่องจาก อเล็กซิส ทซิปราส หัวหน้าพรรครุ่นใหม่ไฟแรงประกาศปฏิเสธชัดเจนว่า ไม่คิดร่วมมือกับพรรคเอ็นดีหรือพรรคปาซก ซึ่งผลัดกันปกครองประเทศในช่วง 40 ปี จนทำให้ระบบการเมืองของกรีซเน่าเฟะ

นอกจากปัญหาเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว พรรคการเมืองแต่ละพรรคยังต้องเผชิญกับภาระหนัก ระหว่างการเอาอกเอาใจประชาชนที่ต้องการให้รัฐผ่อนมาตรการรัดเข็มขัด กับการเดินหน้าคุมแผนประหยัดให้เข้มข้นขึ้นตามแผนของทรอยกา (อียู อีซีบี และไอเอ็มเอฟ) เพื่อการเป็นสมาชิกของอียูที่กรีซก้าวเข้าไปแล้วข้างหนึ่ง

ทั้งนี้ สองปีที่วิกฤตหนี้สาธารณะบานปลายหนัก กรีซได้รับเงินช่วยเหลือแล้วถึง 3.47 แสนล้านยูโร (ราว 13.53 ล้านล้านบาท) โดยแบ่งออกเป็นสองงวด คือ 1.1 แสนล้านยูโร ในปี 2553 และ 1.3 แสนยูโร ในปี 2555 ซึ่งมาพร้อมกับเงื่อนไขสุดเจ็บปวดสำหรับเจ้าหนี้ภาคเอกชนที่ต้องยอมตัดลดมูลค่าหนี้ลงมากกว่า 1.07 แสนล้านยูโร (ราว 4.173 ล้านล้านบาท)

เงินช่วยเหลือดังกล่าวไม่ใช่เงินให้เปล่า จึงเป็นภาระที่รัฐบาลกรีซต้องหาทางใช้คืน พร้อมแลกกับแผนรัดเข็มขัด ตัดลดรายจ่าย ลดการสร้างหนี้ และเพิ่มงบประมาณของรัฐ

เท่ากับว่า แม้รัฐบาลกรีซจะไม่ขอเงินช่วยเหลือใหม่ แต่หนี้เก่าที่ยังติดค้างกันไว้ก็เพียงพอแล้วที่ให้อียูใช้เป็นข้ออ้างบีบให้กรีซเดินตามแผนที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้า

แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ทางการเมืองของกรีซในขณะนี้ แผนบีบแกมวิงวอนของอียูอาจให้ผลในทางตรงกันข้ามคือ เป็นการกดดันให้กรีซตัดสินใจเดินออกจากกลุ่มยูโรโซนเร็วขึ้นก็เป็นได้

ทั้งนี้ ซิตี้แบงก์ได้ประเมินไว้ว่ามีความเป็นได้สูงถึง 75% ที่กรีซจะเดินออกจากกลุ่มยูโรโซน ภายในหนึ่งถึงสองปีข้างหน้านี้ แต่ถ้าพรรคไซรีซาได้เสียงข้างมากและเป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาล แนวโน้มที่กรีซจะโบกมือลาจากกลุ่มยูโรโซนก็จะยิ่งเร็วขึ้น

และที่สุดก็คือ การสร้างประวัติศาสตร์การชักดาบเบี้ยวหนี้ครั้งมโหฬาร

ขณะที่อุปสรรคต่อมาอย่างเรื่องเศรษฐกิจที่ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะต้องหาทางจัดการให้ประชาชนได้กินอิ่น นอนหลับ มีงานทำ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ทว่า นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์กันไว้เรียบร้อยแล้วว่า ผลพวงจากแผนรัดเข็มขัดที่แม้จะมีแนวโน้มทำให้ปริมาณหนี้สาธารณะของประเทศจาก 161.7% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2554 ลดลงเหลือ 145.5% ในปี 2555 แต่ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้เศรษฐกิจของกรีซในปีนี้จะหดตัวอย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้วอีก 2.8%

ยังไม่รวมถึงปัญหาการว่างงานของประชาชนที่สูงถึง 22.6% ขณะที่ชาวกรีกในวัยหนุ่มสาวไม่มีงานทำสูงถึง 50%

พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ไม่กระเตื้องแบบนี้ ปริมาณคนตกงานก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ แน่ หากว่ารัฐบาลกรีซไม่สามารถวางแนวทางจัดการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างจริงจังมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และจะส่งผลต่อรายได้จากการเก็บภาษีของรัฐในที่สุด

แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพสุญญากาศทางการเมืองที่เกิดขึ้นแล้ว นักวิเคราะห์ต่างเห็นตรงกันว่า กว่าที่รัฐบาลกรีซจะตั้งตัวได้ สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศอาจไถลลงใกล้ถึงก้นเหวมากขึ้นทุกปี

ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้จะเป็นเพียงการคาดการณ์โดยอาศัยการประมวล วิเคราะห์ สังเคราะห์จากข้อมูลข่าวสารรอบด้าน แต่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ผลลัพธ์ใดๆ ย่อมสามารถเกิดขึ้นได้เกินคาดเดา

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนโดยไม่ต้องเสียเวลาเดาให้วุ่นวายกันอีกต่อไปก็คือ หนทางในวันข้างหน้าของกรีซยังคงเต็มไปด้วยขวากหนามไม่ว่าจะเลี้ยวซ้ายหรือเลือกเดินทางขวาก็ตาม
 http://money.impaqmsn.com/content.aspx?id=31354&ch=222

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น